วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ชนิดของ Keyboard

สวัสดีครับ 'w' วันนี้จะมาอธิบายเกี่ยวกับ Keyboard กันครับ
(เป็นข้อมูลเท่าที่ผมรู้ ผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยนะครับ)

ก่อนอื่น เริ่มจากชนิดของ Keyboard กันก่อนนะครับ
Keyboard หลักๆเนี่ย จะมีอยู่ 2 ชนิดหลักๆที่พบได้บ่อยคือ

1.Rubber Switch (หรือปุ่มยางนั่นเอง)

พบได้ตามร้านขายอุปกรทั่วๆไป ราคาจะอยู่ที่ 120-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับฟังชั่นหรือยี่ห้อของตัว Keyboard เอง น้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 0.3 - 1.5 กิโลกรัมโดยประมาณ หรือบางรุ่นถ้าวัสดุดีหน่อย อาจจะมีน้ำหนักถึง 2 กิโลกรัม แล้วแต่วัสดุและยี่ห้อ
สำหรับ Keyboard Notebook จะเป็นแบบยางนะครับ แต่จะมีโครงคุมด้วย


ข้อดี - ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย น้ำหนักค่อนข้างเบา
ข้อเสีย - ไม่ทนต่อแรงกระแทกหรือแรงกด

2.Mechanical Switch (หรือปุ่มกลนั่นเอง)

พบได้ตามร้านขายอุปกร IT ที่ค่อนข้างมียี่ห้อหน่อย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,500-10,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับยี่ห้อและชนิดของสวิทด้วย น้ำหนักของตัว Keyboard จะอยู่ที่ 1.2 - 3.5 กิโลกรัมโดยประมาณ ขุ้นอยู่กับยี่ห้อและวัสดุที่ใช้ แต่โดยตัว Keyboard เองแล้ว น้ำหนักมากเป็นปกติอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นระบบ Switch ซึ่งจะมีน้ำหนักที่ตัว Switch นั่นเอง

ข้อดี - อายุการใช้งานนานกว่ามาก ทนต่อแรงกระแทกและแรงกด
ข้อเสีย - ราคาค่อนข้างสูง และน้ำหนักค่อนข้างมาก

FILCO ผู้ผลิต Mechanical Keyboard ชั้นนำของโลก สัญชาติญี่ปุ่น วันนี้ขอแนะนำ ความแตกต่างของ Switch แต่ล่ะรุ่นที่อยู่ใน Mechanical Keyboard ซึ่งเราได้ทราบกันแล้วว่า Mechanical Keyboard เป็น Keyboard ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย และเหมาะกับผู้ใช้ทุกระดับ ที่ต้องการการตอบสนองที่แม่นยำ ฉับไวจาก Keyboard

โดย Mechanical Keyboard นั้นก็จะมีการเลือกใช้ Switch ที่แตกต่าง เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้ โดยเราสามารถแบ่งแยก Cheery MX Switch ได้ตามสีที่แตกต่างกัน ได้แก่ Cheery MX Black Switch, Cheery MX Red Switch, Cheery MX Brown Switch และ Cheery MX Blue Switch (ที่จริง จะมี Cheery MX White Switch อีกรุ่น แต่ไม่ค่อยมี Keyboard ผลิตออกมา เราจึงขอละไว้ เพื่อไม่ให้สับสนก็แล้วกัน)

      และเราสามารถแบ่งชนิดของ Cheery MX Black Switch แต่ล่ะรุ่น ตามสัมผัส และการตอบสนองได้ 2ประเภทกว้างๆ คือ Linear Switch และ Tactile Switch โดย

      Linear Switch สำหรับ Switch ประเภทนี้จะได้แก่ Cheery MX Black Switch และ Cheery MX Red Switch ลักษณะเด่นของ Switch ประเภทนี้คือมีแรงต้านคงที่ สม่ำเสมอ ตลอดช่วงการกด
      - Tactile Switch สำหรับ Switch ประเภทนี้จะได้แก่ Cheery MX Brown Switch และ Cheery MX Blue Switch รวมถึง Cheery MX White Switch ด้วย ลักษณะเด่นของ Switch ประเภทนี้คือ แรงต้านจะไม่คงที่ ให้ความรู้สึก 2จังหวะ เหมือนมีช่วงต้าน และช่วงฟรีต่อความรู้สึกเวลากด


ชนิดพื้นฐานของ Switch ที่พบใน Mechanical Keyboard

1.Red Switch
เป็นสวิทที่มีแรงดีดกลับค่อนข้างดี ใช้น้ำหนักในการกดน้อย และเสียงค่อนข้างเบา
ประเภท : Linear Switch
น้ำหนักในการกด : 45cN
ข้อดี - เสียงค่อนข้างเบาและใช้แรงกดน้อย
ข้อเสีย - ทนกระแทกน้อยกว่าสวิทตัวอื่นๆ (ในที่นี้หมายถึงระยะเวลาใช้งาน ที่อาจจะน้อยกว่าตัวอื่นๆในจำนวนที่น้อยมากจนแทบไม่รู้สึก)

2.Blue Switch
เป็นสวิทที่มีแรงดีดกลับดีในระดับหนึ่ง ใช้น้ำหนักในการกดน้อย เสียงดังมาก เนื่องจากเป็นระบบสวิทสองจังหวะ ตัวนี้จะเป็นตัวที่มีเสียงดังที่สุดในบรรดาสวิททั้งหมด
ประเภท : Tactile Switch
น้ำหนักในการกด : 50cN (60cN ในจุดเริ่มทำงาน)
ข้อดี - สำหรับคนที่ชอบเสียงๆดังๆ ตัวนี้โดนแน่นอน
ข้อเสีย - เสียงดังเกินไป (-w-;)

3.Brown Switch
เป็นสวิทที่มีแรงดีดกลับที่ดีในระดับหนึ่งและนิ่มกว่า Blue ใช้น้ำหนักในการกดน้อยกว่า Blue เป็นปุ่มสองจังหวะ แต่ไม่มีเสียงดังเหมือน Blue
ประเภท : Tactile Switch
น้ำหนักในการกด : 45cN (55cN ในจุดเริ่มทำงาน)
ข้อดี - เป็นระบบสองจังหวะที่เสียงเงียบกว่า Blue
ข้อเสีย - ใช้แรงในการกดเยอะกว่า Blue และ Red ในจุดเริ่มทำงาน

4.ฺBlack Switch
เป็นสวิทที่ถึกทนที่สุด มีแรงดีดกลับที่มหาศาล(เว่อๆไว้ 555) เป็นระบบสวิทจังหวะเดียวและเสียงกดเบามาก เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบกดแรงๆ (ทุบนั่นเอง)

ประเภท : Linear Switch
น้ำหนักในการกด : 60cN
ข้อดี - ทนที่สุดในบรรดาสวิท อายุการใช้งานกว่า 50ล้านครั้งต่อ 1 ปุ่ม(มาตรฐานของ Cherry ทุกสวิท ประมาณนี้เท่ากันเกือบทั้งหมด)
ข้อเสีย - ด้วยแรงต้านในตัว ทำให้กดรัวได้ลำบากที่สุดในบรรดาสวิท

สำหรับผู้เล่น Osu! แล้ว ก็ลองเลือกดูนะครับ ว่าชอบแบบใหนกัน เพราะว่าคนเรานั้น มีความชอบและความถนัดไม่เหมือนกัน

Credit ข้อมูลบางส่วนจาก : http://www.gump.in.th/